ความเสื่อมถอยของราชวงศ์เมรอแว็งเฌียง ของ พระเจ้าชิลเดริกที่ 3

ก่อนหน้าที่ชิลเดริกจะขึ้นครองราชย์ นับตั้งแต่สิ้นรัชสมัยของดาโกแบร์ที่ 1 ในปี ค.ศ. 634 กษัตริย์ราชวงศ์เมรอแว็งเฌียงถูกลดบทบาทเหลือเพียงแค่อำนาจในการประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ ส่วนอำนาจที่แท้จริงในการปกครองตกอยู่ในมือของสมุหราชมณเทียรชาวการอแล็งเฌียง ในปี ค.ศ. 718 ชาร์ลส์ มาร์แตลได้ครองตำแหน่งเป็นสมุหราชมณเทียรของทั้งเนิสเตรียและออสเตรเชีย ทำให้กลายเป็นคนที่ทรงอำนาจที่สุดในราชอาณาจักรแฟรงก์ หลังการสวรรคตของธีออเดริกที่ 4 ในปี ค.ศ. 737 ชาร์ลส์ มาร์แตลได้ปล่อยให้บัลลังก์ว่าง ไม่ให้กษัตริย์ราชวงศ์เมรอแว็งเฌียงคนใดได้ครองบัลลังก์ของชาวแฟรงก์ ทำให้เขากลายเป็นกษัตริย์โดยพฤตินัย

ในปี ค.ศ. 741 หลังชาร์ลส์ มาร์แตลถึงแก่กรรมได้เกิดการปฏิวัติขึ้น บุตรชายทั้งสองของเขา คือ การ์โลมงและเปแป็งผู้ตัวเตี้ยที่ขึ้นเป็นสมุหราชมณเทียรร่วมกันจึงไหวตัวแก้แกมด้วยการจับชิลเดริกแห่งราชวงศ์เมรอแว็งเฌียงขึ้นนั่งบนบัลลังก์ของชาวแฟรงก์ที่ว่างมาหลายปี โดยมีทั้งคู่เป็นผู้ใช้อำนาจที่แท้จริงอยู่เบื้องหลัง

ใกล้เคียง